จากกรณี “นางสาวเอ” อายุ 31 ปี ออกมาเล่าเรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงไทย โดยเธอเล่าว่า ช่วงปลายปี 2562 มีเพื่อนผู้หญิงในหมู่บ้าน โทรศัพท์มาหา บอกว่ามีแม่สื่อติดต่อหาผู้หญิงไทย ไปแต่งงานกับชายชาวจีน โดยจะได้เงินค่าสินสอด 1 แสนบาท ซึ่งตอนนั้นหวังว่าจะนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัว
พอเธอตอบตกลง แม่สื่อ ก็พาหนุ่มจีนมารู้จัก โดยฝ่ายชายจะเป็นคนเลือกฝ่ายหญิงว่าพอใจหรือไม่ ถ้าฝ่ายชายเลือกและตกลงแต่งงาน ก็จะให้ทำสัญญาคำพูดจาก เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด 2024
หนุ่มขับแกร็บคาร์ ยันไม่ใช่พยานเท็จ เผย ดาราไต้หวัน เมาหนักคืนเกิดเหตุ
มูลนิธิกระจกเงา เผยบทสัมภาษณ์แม่เด็ก 8 เดือน
พยานเข้าชี้ 3 ตำรวจ รีดไถเงิน "ดาราไต้หวัน" ก่อนแฉพฤติกรรมหมดเปลือก
โดยในสัญญาระบุชัดเจนว่าจะต้องจดทะเบียนสมรส แล้วไปอยู่บ้านฝ่ายชายที่ประเทศจีน ระหว่างนั้นภายใน 6 เดือนต้องมีลูกให้กับสามี พอคลอดลูกแล้ว จะกลับไทย หรือ อยู่ต่อก็ได้แล้วแต่ฝ่ายหญิง โดยสัญญาฉบับนี้จะมีลายเซ็นของแม่ฝ่ายหญิง และแม่สื่อ หลังจากเซ็นสัญญากันแล้ว ทางแม่สื่อ กับฝ่ายชายก็มาจัดงานแต่งตามประเพณี โดยจัดที่บ้านของ “นางสาวเอ” และมอบสินสอดให้คนละ 1 แสนบาท
หลังเสร็จพิธีแต่งงาน “นางสาวเอ” ก็เดินทางไปอยู่ที่ประเทศจีนกับสามี อยู่ได้ประมาณ 2 เดือนก็ติดต่อแม่สื่อไม่ได้อีกเลย เหมือนถูกลอยแพ จนกระทั่งครบ 6 เดือนตามสัญญา เธอก็สารภาพกับครอบครัวสามีว่า เธอมีลูกให้ไม่ได้ เพราะทำหมันแล้ว ทำให้ทั้งสามีและครอบครัวไม่พอใจ ทุบตีทำร้าย หนักเข้าก็กักขังเอาไว้ในบ้าน 3 ปี สุดท้ายก็หนีออกมาขอความช่วยเหลือจากกงสุลไทย
ผู้เสียหายบอกว่า ขบวนการนี้ ติดต่อหาหญิงไทยแต่งงานกับคนจีนจำนวนมาก โดยจะมีพ่อสื่อแม่สื่อ เป็นคนกลาง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ล้านบาท แต่ทางฝ่ายหญิงที่แต่งงานด้วย จะได้แค่ค่าสินสอด 1 แสนบาทเท่านั้น พอหักค่าจัดงานต่างๆ แล้วที่เหลือก็เป็นของพ่อสื่อ แม่สื่อทั้งหมด
ทั้งนี้สำหรับ สาเหตุที่ผู้ชายจีนต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทย เพราะอยากได้ลูก เพื่อจะไปสืบสกุลเขา และลดหย่อนภาษี ซึ่งจะมีเงื่อนไขชัดเจนว่า ต้องมีลูกให้เขา ถ้าไม่มีก็จะถูกทุบตี ก็มีบางคนโชคดี เจอครอบครัวคนจีนดี ก็ไม่ถูกทำร้าย จึงอยากจะเตือนภัยว่าอย่าเห็นแก่เงินเล็กน้อย ไม่คุ้มค่ากัน และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เอาผิดกับขบวนการนี้
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางสาวฝน หญิงสาวอีกคนที่แต่งงานกับชายชาวจีน พร้อมกันกับ นางสาวเอ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า แม่สื่อเป็นสามีภรรยาชาวไทย มาจากกรุงเทพฯ มาชักชวนให้แต่งงานกับชาวจีน พอเดินทางไปถึงประเทศจีน นางสาวฝน ป่วยเป็นเนื้องอกในมดลูก และไทยรอยด์ ทำให้ตั้งครรภ์ไม่ได้ แต่โชคดีที่ครอบครัวชาวจีนดูแลดี อยู่ด้วยกันประมาณ 2 ปีก็ขอเดินทางกลับ และทราบที่หลังว่าสามีชาวแต่งงานใหม่แล้ว จึงไม่ได้ติดต่อกันอีก
อย่างไรก็ตาม กรณีการหาสาวไทยไปแต่งงานกับคนจีน เพื่อให้ท้องแล้วคลอดลูกนั้น มีข้อสงสัยว่าขบวนการแบบนี้เข้าข่ายความผิดการค้ามนุษย์ หรือ อุ้มบุญหรือไม่ เพราะแม้จะมีการแต่งงาน จดทะเบียนกัน แต่ก็มีข้อตกลงชัดเจนว่า ต้องมีลูกให้กับคนจีน
โดย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ อธิบายว่า จากข้อมูลในเบื้องต้น ยังไม่เข้าองค์ประกอบคดีการค้ามนุษย์ แม้จะเป็นการจ้างแต่งงาน แต่เป็นข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย และไม่เข้าข่ายการอุ้มบุญ ว่าจ้างให้ตั้งครรภ์ ส่วนพฤติกรรมของแก๊งแม่สื่อ ที่เป็นคนติดต่อหาผู้หญิงไปให้กับคนจีน ตรงนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดก่อน แต่ในเบื้องต้นก็ยังไม่เข้าข่ายความผิดการค้ามนุษย์หรือค้าประเวณีเช่นกัน
ล่าสุด ทางตำรวจภูภรภาค 4 ได้ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์ หรือ การอุ้มบุญหรือไม่ เพราะในกรณีที่เกิดขึ้นมีขบวนการเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่นายหน้า ติดต่อหาผู้หญิง ไปแต่งงาน แต่ทั้งหมดก็ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย คือมีการจดทะเบียนสมรส มีสัญญา ดังนั้นต้องตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่.